วันหยุดสงกรานต์ พี่ ๆ หลายคนคงมีแพลนไปเที่ยวกันแล้วอย่างแน่นอน มีโอกาสได้พักผ่อนแบบนี้จะต้องออกไปใช้ชีวิตและท่องเที่ยวกัน หรือจะเดินทางกลับไปหาครอบครัวกันเถอะครับ แต่ก่อนจะออกเดินทางเพื่อความปลอดภัยน้องสมหวังขอแนะนำให้พี่ ๆ ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ให้ดี เพื่อให้การเดินทางสบายใจตลอดทั้งเส้นทาง ต้องตรวจเช็กอะไรบ้าง น้องสมหวังรวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว
วันหยุดสงกรานต์ พี่ ๆ หลายคนคงมีแพลนไปเที่ยวกันแล้วอย่างแน่นอน มีโอกาสได้พักผ่อนแบบนี้จะต้องออกไปใช้ชีวิตและท่องเที่ยวกัน หรือจะเดินทางกลับไปหาครอบครัวกันเถอะครับ แต่ก่อนจะออกเดินทางเพื่อความปลอดภัยน้องสมหวังขอแนะนำให้พี่ ๆ ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ให้ดี เพื่อให้การเดินทางสบายใจตลอดทั้งเส้นทาง ต้องตรวจเช็กอะไรบ้าง น้องสมหวังรวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว
ทำไมต้องตรวจเช็กสภาพรถก่อนเดินทางไกล
การเช็กสภาพรถก่อนเดินทางไกล เป็นวิธีการที่ช่วยตรวจเช็กความพร้อมของตัวรถว่าพร้อมเดินทางไกลหรือไม่ เพราะรถยนต์ที่มีการใช้งานเป็นประจำย่อมต้องมีการสึกหรอของอะไหล่หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างแน่นอน เมื่อพบปัญหาก็จะทำให้พี่ ๆ มีเวลาซ่อมแซมได้ทันเวลา ไม่กระทบต่อการเดินทางและไม่ให้รถของเราเป็นอุปสรรค์ของทริปสำคัญเช่นนี้ ดังนั้นการตรวจเช็กสภาพรถจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
จุดสำคัญที่ต้องเช็กสภาพรถก่อนเดินทาง มีตรงไหนบ้าง
แม้ว่ารถยนต์จะมีส่วนประกอบต่าง ๆ มากมาย ถ้าให้ตรวจครบทุกซอกมุมคงจะยากเกินไป น้องสมหวังได้สรุปไว้ทั้งหมด 10 จุดสำคัญที่ควรตรวจเช็กสภาพรถก่อนออกเดินทาง โดยแต่ละจุดมีรายละเอียดดังนี้
1. ยางรถยนต์
จุดแรกให้ลองก้มดูที่ยางรถยนต์ก่อน เพราะเป็นส่วนที่คอยรับภาระหลายอย่าง ทั้งน้ำหนักของตัวรถ การขับเคลื่อน การยืดเกาะ และการปะทะกับผิวถนน การตรวจเช็กยางเบื้องต้นให้ดูที่ชุดตัวเลข 4 หลักบนแก้มยาง ซึ่งจุดนี้จะเป็นตัวบอกสัปดาห์และปีที่ผลิต เพราะยาง 1 จะมีอายุการใช้งานเต็มที่ 5 ปี ตัวอย่างการดู เช่น 4423 ความหมายคือ ผลิตสัปดาห์ที่ 44 ของปี 2023 นั่นเอง
ตามด้วยตรวจเช็กสภาพยางโดยรวม ไล่ตั้งแต่ผิวของหน้ายางต้องมีเนื้อเต็ม มีดอกยางในการยึดเกาะถนน ดอกยางต้องชัดเจน ต้องไม่มีรอยแตกลายงา ไม่มีอาการบวม ลองสังเกตด้วยสายตา เอาเป็นว่า ตรวจเช็คยางรถยนต์วันละนิด เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และถ้าไม่อยากสังเกตให้เหนื่อย กลัวใจตัวเองลำเอียง อยากตรวจสอบแบบให้เห็นชัด! นำเหรียญบาทมาวางในร่องระหว่างดอกยางและความสูงของดอกยางต่ำกว่าเหรียญมาก ๆ นี่คือสัญญาณว่าเราจะต้องเปลี่ยนยางแล้วครับ
หากพบอาการอย่างใดอย่างหนึ่งแนะนำให้เปลี่ยนยางชุดใหม่ เพื่อความปลอดภัยของพี่ ๆ ในเวลาขับขี่ละครับ อ่อ และไม่แนะนำให้ใช้ยางเปอร์เซนต์ที่ไม่ได้มาตรฐานนะครับ หรือจะลองอ่านบทความ 7 วิธีเลือกยางเปอร์เซ็นต์อย่างไรให้ปลอดภัย ประกอบการตัดสินใจได้ครับผม
2. แบตเตอรี่
ถัดมาคือ แบตเตอรี่ ส่วนนี้สำคัญต่อระบบไฟของรถยนต์มาก ๆ โดยเริ่มจากการเช็กขั้วทั้ง 2 ข้างและฉนวนสายไฟว่าเชื่อมต่อดีหรือไม่ ค่อยทำความสะอาดคราบเกลือที่เกาะอยู่เป็นประจำ และจุดสำคัญที่ต้องสังเกตคือสีตาแมวบนแบตเตอรี่ โดยมีความหมายดังนี้
- ตาแมวสีฟ้า = ไฟเต็ม
- ตาแมวสีขาว = ไฟอ่อน
- ตาแมวสีแดง = น้ำกลั่นแห้ง
และด้วยความที่แบตเตอรี่รถนิยมเปลี่ยนทุก ๆ 18 เดือน หรือปีกว่า ๆ ครับ เพื่อป้องกันแบตเสื่อมระหว่างใช้งาน หรือบางคนก็นิยมใช้แบตเตอรี่ยาว ๆ 1-3 ปีก็ได้ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ คุณภาพ รวมทั้งการใช้รถของเราด้วยละครับผม
3.ระบบไฟแสงสว่างภายนอกรถยนต์
ก่อนเดินทางไกล ไฟรถจะต้องเป๊ะที่สุดนะครับ ลองเปิดไฟหน้า ไฟปกติ ไฟสูง ไฟเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ไฟถอยหลัง ไฟฉุกเฉิน ไฟผ่าหมาก รอบคันจะต้องไม่พัง เพราะถ้าพังปั้บระหว่างขับขี่เราอาจจะถูกเพื่อนร่วมทางบ่นและสาปแช่ง! ได้นะครับ ฮ่า ๆ เนื่องจากไม่รู้ว่า รถเรากำลังจะไปทางไหน จะเลี้ยว จะถอย หรือจะยังไง ดังนั้น ลองเช็กก่อนเดินทางไกลนะครับผม
4. น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก และผ้าเบรก
เพื่อความปลอดภัยการเดินทางไกลต้องอาศัยความลื่นไหลของเครื่องยนต์ และระบบเบรกเป็นอย่างมาก โดยจะต้องเช็กน้ำมันเครื่องเป็นประจำว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่ ถ้าอยู่ระหว่างขีด F กับ L หรือ Max กับ Min ถือว่าปกติ หากก้านวัดน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติ ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเพื่อความแน่ใจว่าน้ำมันเครื่องลดลงจากอะไร และตรวจเช็กว่าสีน้ำมันเครื่องเริ่มดำหรือยัง หากครบระยะการใช้งานแล้วให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องชุดใหม่ ส่วนระบบเบรกให้เช็กระดับน้ำมันเบรก ต้องไม่อยู่ต่ำกว่า Min และสังเกตระยะเบรก หากรู้สึกว่าระยะการเบรกยาวกว่าปกติให้ช่างลองเช็กผ้าเบรกด้วยเช่นกัน
5. น้ำมันเกียร์
การเช็กความพร้อมของน้ำมันเกียร์ ให้ไล่เช็กระดับน้ำมันจากเกียร์แต่ละตำแหน่ง โดยให้จอดรถทางราบและใส่เบรกมือเอาไว้พร้อมสตาร์ตเครื่องยนต์ ลองเปลี่ยนเกียร์ครบทุกตำแหน่งไล่จาก P ลงไปถึงเกียร์ต่ำสุด ในระหว่างที่เปลี่ยนเกียร์ลองค้างไว้แต่ละตำแหน่งสักครู่แล้วค่อยเปลี่ยนเกียร์ถัดไป
เมื่อทำจนครบแล้วทีนี้ให้เข้าเกียร์ P หรือ N จากนั้นให้ดึงก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์ออกมาเช็ดให้สะอาด ใส่กลับเข้าและดึงออกมาใหม่ หากระดับน้ำมันอยู่ตำแหน่ง H ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ถ้ารู้ตัวว่า ถึงระยะที่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์แล้ว ควรรีบเปลี่ยนใหม่ทันที จะทำให้เกียร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
6. ระบบหล่อเย็น
ระบบหล่อเย็นเป็นส่วนช่วยระบายความร้อนให้เครื่องยนต์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในห้องเครื่อง โดยระบบหล่อเย็นจะประกอบไปด้วย หม้อน้ำ ท่อยาง ข้อต่อ พัดลมและมอเตอร์ เบื้องต้นให้สังเกตการทำงานแบบคร่าว ๆ ดังนี้
- หากหม้อน้ำรั่วสามารถสังเกตได้จากสีของน้ำยาหล่อเย็นหรือ Coolant มีทั้งสีเขียวและสีชมพู
- พัดลมจะต้องทำงานอย่างสม่ำเสมอ เสียงต้องไม่ดังเกินไป
- ควรเปลี่ยนน้ำยาหม้อน้ำทุก ๆ 2 ปี เพื่อให้ระบบหล่อเย็นมีประสิทธิภาพมากที่สุด
7. ที่ปัดน้ำฝน
ถึงช่วงสงกรานต์จะเป็นฤดูร้อน แต่ที่ปัดน้ำฝนเป็นไอเทมสำคัญนะครับ ลองนึกภาพตามว่า ขับรถอยู่ แล้วโดนคนสาดน้ำมาปังงงงงงงงงงงงงงงงง ถ้าที่ปัดน้ำฝนเราเสื่อม ปัดไม่ทันไม่เห็นทาง อันนี้แย่เลยนะ แย่เลย แย่แน่ ๆ วิธีเช็กที่ปัดน้ำฝนเสื่อมก็ง๊ายง่ายครับ หากที่ปัดน้ำฝนเริ่มแข็ง ปัดแล้วมีเสียงดังเอี๊ยด เอี๊ยด ฝืนฝืดสุด ปัดแล้วเกิดรอยเหล็กขูดกระจก เปลี่ยนเถอะครับ ซื้อมาเปลี่ยนใหม่ ปลดแถบล็อกแล้วดึงที่ปัดน้ำฝนออก และใส่ชิ้นใหม่เข้าไป หรือถ้าทำไม่เป็นไม่อยากฝืนสามารถให้ร้านเปลี่ยนให้ก็ได้ครับ และอย่าลืมเติมน้ำฉีดกระจกไว้ให้พร้อมใช้งาน! พร้อมลุยสงกรานต์นี้ไกลแค่ไหนก็ไม่กลัว!
8. แตรรถยนต์
แตรรถยนต์เป็นอีกไอเทมสำคัญของคนขับรถล่ะครับ ใช้เมื่อจำเป็นจริง ๆ เพราะเป็นที่ให้สัญญาณอันตราย เหตุฉุกเฉิน ใช้เตือนให้ระวังว่ารถเราอยู่ตรงนี้ หรือใช้เตือนรถคันอื่นเพื่อให้ทราบว่าเบียดเราแล้วนะ ใกล้เกินไปแล้วนะ การเช็กก็ง่ายมากครับ ลองกดดูเลยครับว่าแตรของเราดังปกติไหม ลมแตรยังดีอยู่ไหม ถ้าพังไม่ดังด่วนครับ พบช่างก่อนเดินทางเลย
9. แผ่นกรองอากาศ
แผ่นกรองอากาศสำหรับแอร์รถยนต์ ใช้เพื่อดักจับฝุ่นและกรองสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าห้องโดยสาร เมื่อแผ่นกรองแอร์อุดตันจะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับ ทำให้แอร์รถไม่เย็นได้ เบื้องต้นสามารถถอดแผ่นกรองอากาศออกมาดูดฝุ่นหรือทำความสะอาดได้ แต่ถ้าแผ่นกรองเก่าเกินไปแนะนำให้เปลี่ยนแผ่นใหม่ หากสุดท้ายเปลี่ยนแล้วแอร์ยังไม่เย็น แนะนำให้ช่างเช็กน้ำยาแอร์และล้างทั้งระบบเป็นวิธีแก้ดีที่สุด ปรึกษาช่างก็ได้ครับ
10. สัญลักษณ์หน้าปัดรถยนต์
สุดท้ายให้สังเกตสัญลักษณ์ต่าง ๆ บนหน้าปัดรถยนต์ให้ดี หากหลังสตาร์ตรถมีสัญลักษณ์เตือนตัวใดโชว์ขึ้นมา แนะนำให้พี่ ๆ ลองปรึกษาช่างโดยด่วน เพราะสัญลักษณ์เหล่านี้เป็นการเตือนปัญหาเกี่ยวอุปกรณ์ต่าง ๆ ของรถยนต์ เช่น
- สัญลักษณ์รูปเครื่องยนต์ บอกถึงความผิดปกติเกี่ยวกับเครื่องยนต์หรือเซนเซอร์ต่าง ๆ
- สัญลักษณ์ความร้อน บอกถึงอุณหภูมิในห้องเครื่องยนต์ที่สูงกว่าปกติ หรือปัญหาที่ระบบระบายความร้อน
- สัญลักษณ์รูปแบตเตอรี่ บอกถึงปัญหาที่เกี่ยวกับระบบไฟ หรือแบตเตอรี่
- สัญลักษณ์รูปกาน้ำ บอกถึงปัญหาที่เกี่ยวกับของเหลวอย่างน้ำมันเครื่องยนต์
สรุปเกี่ยวกับการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ก่อนเที่ยวสงกรานต์
มาถึงตรงนี้พี่ ๆ คงเห็นแล้วว่าการตรวจเช็กสภาพรถยนต์แต่ละรายการ มีรายละเอียดและความสำคัญขนาดไหน หากเราตรวจพบปัญหาได้ทันก็จะสามารถแก้ไขได้ทันเวลา แต่ถ้าให้ดีควรมีประกันภัยรถยนต์ติดไว้ เพื่อให้พี่ ๆ มีผู้ช่วยในยามฉุกเฉิน โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ช่วยทั้งอำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าที่คิด สุดท้ายถ้าพี่ ๆ คนไหนต้องการเงินฉุกเฉิน ปรึกษาเจ้าหน้าที่สมหวัง เงินสั่งได้ กับสินเชื่อรถผ่านไลน์ @somwang หรือโทรมาคุยกันที่เบอร์ 02-123-4000 ได้ทันที น้องสมหวังยินดีให้คำปรึกษาทุกปัญหาการเงินครับผม ติดขัดเรื่องไหน หรือสงสัยอะไรปรึกษาได้ฟรีเลยครับ
บทความล่าสุด
ยุคสมัยที่ราคาน้ำมันก็แพงแสนแพง ยิ่งทำให้ปี 2023 เรียกว่าเป็นปีทองแห่งรถยนต์ไฟฟ้าเลยก็ว่าได้ เพราะมีหลายรุ่นที่เข้ามาเปิดตัวกันเพียบให้ได้จับจองซื้อไปลองขับ แต่ด้วยความที่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่สำหรับสังคมไทย ก็ทำให้คนที่อยากซื้อต้องหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจและทำการบ้านกันเยอะหน่อย โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่มีช่วงราคาเหมาะสมต่อการนำมาใช้งานในเมือง ทั้งราคาเริ่มต้นไม่สูงมาก มีระยะทางการวิ่งอยู่ในเกณฑ์คุ้มราคา คิดคำนวณแล้วใช้งานในเมืองได้อย่างคล่องตัว แถมประหยัดได้อย่างชัดเจน เพื่อให้ได้สิ่งที่คุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด ยิ่งวันนี้มีรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่น หลายยี่ห้อให้เลือกเพียบ น้องสมหวังขอแนะนำตามนี้ครับ