1. กฎ 50-30-20 แบ่งสรรเงินเดือนออกเป็นสัดส่วนชัดเจน

หนึ่งในวิธียอดนิยมในการจัดสรรเงินหลังเงินเดือนออก คือการใช้กฎ 50-30-20 ครับ โดยแบ่งเงินเดือนออกเป็น 3 ส่วนคือ 50% สำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าเดินทาง ค่าอาหาร, 30% สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่อยากได้ เช่น ช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว และอีก 20% สำหรับการออมและชำระหนี้ครับ การแบ่งสัดส่วนที่ชัดเจนแบบนี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมการใช้เงินได้ดีขึ้นครับ

2. ออมก่อนใช้ทันทีที่เงินเดือนออก

เคล็ดลับสำคัญอีกข้อคือการ “ออมก่อนใช้” ครับ ทันทีที่เงินเดือนออก ให้พี่ ๆ กันเงินส่วนหนึ่งสำหรับออมหรือลงทุนไว้ก่อนเลยครับ อาจจะตั้งเป้าหมายไว้ที่ 10-20% ของรายได้ หรือตามกำลังที่เราไหว การหักเงินออมออกไปก่อนจะช่วยให้เรามีวินัยในการออมมากขึ้น และมั่นใจได้ว่ามีเงินเก็บแน่นอน ดีกว่ารอให้เหลือแล้วค่อยออม ซึ่งบางทีอาจจะไม่เหลือเลยก็ได้ครับ

3. แยกบัญชีค่าใช้จ่ายประจำกับค่าใช้จ่ายส่วนตัว

การแยกบัญชีธนาคารสำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละประเภทก็เป็นวิธีที่ดีนะครับ เช่น บัญชีสำหรับเงินเดือนเข้า, บัญชีสำหรับจ่ายบิลค่าใช้จ่ายประจำ (ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์), บัญชีสำหรับออม และบัญชีสำหรับใช้จ่ายส่วนตัวครับ เมื่อเงินเดือนออกก็โอนเงินตามสัดส่วนที่วางแผนไว้ไปยังบัญชีต่าง ๆ วิธีนี้จะช่วยให้เราควบคุมการใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น ไม่นำเงินส่วนที่จำเป็นมาใช้ปะปนกันครับ

4. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายประจำวัน

การจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายเป็นประจำทุกวันจะช่วยให้พี่ ๆ เห็นพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเองได้อย่างชัดเจนครับ ทำให้ทราบว่าในแต่ละวันเราใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง มีค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่สามารถลดลงได้หรือไม่ครับ ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันมากมายที่ช่วยให้การทำบัญชีเป็นเรื่องง่าย หรือจะจดใส่สมุดแบบเดิม ๆ ก็ได้ครับ การเห็นตัวเลขจะช่วยให้เราตระหนักและวางแผนการใช้เงินหลังเงินเดือนออกได้ดีขึ้นครับ

5. กำหนดงบประมาณค่าใช้จ่ายรายสัปดาห์

นอกจากการวางแผนรายเดือนแล้ว การซอยงบประมาณค่าใช้จ่ายส่วนตัวหรือค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นมากนักออกมาเป็นรายสัปดาห์ก็เป็นอีกเทคนิคที่ช่วยได้ครับพี่ ๆ เช่น ค่าอาหารกลางวัน ค่ากาแฟ หรือค่าสังสรรค์ เมื่อเงินเดือนออกและแบ่งสัดส่วนแล้ว ลองกำหนดงบสำหรับสิ่งเหล่านี้ในแต่ละสัปดาห์ดูครับ จะช่วยให้ควบคุมการใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ง่ายขึ้น ไม่ใช้จ่ายเพลินจนเกินงบที่ตั้งไว้ครับ